พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ระบุนักศึกษาบิดเบือนเดินขบวนยุตินำพลเมืองขึ้นศาลทหาร ชี้ปฏิบัติตามกฎหมายแล้ว ตามประกาศคสช. ฉบับที่ 37 เผยเข้าใจเด็ก และจะพยายามสร้างความเข้าใจ น้องๆทุกคน
หลังจากเมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มนิสิต นักศึกษา จากหลายมหาวิทยาลัย นำโดยศูนย์กลางนักศึกษาเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย (ศนปท.) รวมตัวและเดินจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ไปยังศาลทหาร เรียกร้องไม่ให้นำพลเมืองขึ้นศาลทหาร ประกาศพร้อมถูกจับ ยืนยันจะไม่ไปไหน จนกว่าศาลจะปล่อยตัว 4 พลเมืองโต้กลับ ซึ่งประกอบด้วยนายอานนท์ นำภา นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพและนายวรรณเกียรติ ชูสุวรรณ ที่ถูกนำตัวไปพบอัยการทหาร ที่ศาลทหาร ช่วงบ่ายวันเดียวกันและต่อมาช่วงเย็น อัยการทหารเตรียมยื่นคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 4 ต่อศาลทหาร ในคดีฝ่าฝืนประกาศ คสช. หลังจากจัดกิจกรรม “เลือกตั้งที่(รัก)ลัก” เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ก่อนที่ศาลทหารยกคำร้องอัยการทหาร สั่งปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 โดยไม่มีเงื่อนไข (อ่านรายละเอียด)
วานนี้(17 มี.ค.) มติชนออนไลน์ รายงานว่า ที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่1 พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ต้องทำความเข้าใจว่าพลเรือน หรือไม่พลเรือนหรือไม่ ตนคิดว่าไม่ใช่ แต่เป็นการปฏิบัติไปตามกฎหมาย เพราะว่าประกาศคสช. ฉบับที่ 37 เรื่อง ความผิดที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลทหาร กับ ประกาศ คสช.ฉบับที่38 เรื่อง คดีที่ประกอบด้วยการกระทำหลายอย่างเกี่ยวโยงกันให้อยู่ในอำนาจของศาลทหาร ซึ่งก็ระบุชัดเจนว่าใครผิดเงื่อนไขจะต้องขึ้นศาลอะไร อีกทั้งตามประกาศบอกว่าศาลมีหน้าที่พิจารณาคดีตามปกติ ยกเว้นคดีอะไรที่ให้มาขึ้นศาลทหาร ไม่เกี่ยวว่าเป็นพลเรือนไม่ใช่พลเรือน
“ผมคิดว่าเป็นความพยายามบิดประเด็น ใช่หรือไม่ ถ้าคุณทำผิดกฎหมายข้อหานี้ก็ต้องไปขึ้นศาลนี้ ก็เหมือนเราไปขึ้นศาลแพ่ง ไปขึ้นศาลอาญา เขาก็มีกฎหมาย จะไปฟ้องศาลไหน แต่ไปบิดประเด็นว่าพลเรือนขึ้นศาลทหาร ถ้าพูดอย่างนี้มันเสียหาย สร้างความสับสนให้สังคม ส่วนการที่นักศึกษาออกมาเดินขบวนกดดัน ผมคิดว่าก็เป็นความพยายามบิดเบือนอีกนั่นแหละ แต่ผมเข้าใจเด็ก เราเข้าใจ พยายามสร้างความเข้าใจ น้องๆทุกคน ก็เป็นอนาคตของชาติ ดังนั้นก็ต้องคิดในสิ่งที่ถูกต้อง เราก็ต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับเขาไป” พล.ท.กัมปนาท กล่าว
เมื่อถามว่า จะมีการสร้างความเข้าใจร่วมกันกับกลุ่มนักศึกษา หรือไม่ พล.ท.กัมปนาท กล่าวว่า “ไม่เรียก โอเคนะครับ”