Skip to main content

ประชาไท รายงานว่า เมื่อวันที่ 23 เม.ย.2558 เฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘บางแสนรามา’ ซึ่งเป็นกิจกรรมของนิสิตคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาภาพยนตร์และโทรทัศน์ ภาควิชานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา โพสต์แถลงการณ์งดจัดกิจกรรมฉายภาพยนตร์ประจำปีเนื่องจาก  “เนื้อหาของภาพยนตร์บางเรื่องเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติ” ก่อนหน้านั้น 1 วัน ( 22 เม.ย.) ทางเพจยังระบุว่าจะจัดกิจกรรมฉายหนังอยู่โดยจะลดจาก 2 วันเหลือเพียง 1 วัน โดยให้เหตุผลว่า “เกิดเหตุขัดข้อง ไม่สามารถจัดตามกำหนดเดิมได้”

รายงานข่าวแจ้งว่า เหตุที่ไม่สามารถจัดงานได้เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทหารเห็นป้ายประชาสัมพันธ์งานจึงได้ติดต่อมายังคณะและอาจารย์ที่ปรึกษาโครงการเพื่อแจ้งว่างานครั้งนี้ยังไม่ได้ขออนุญาตเจ้าหน้าที่ทหารและวัฒนธรรมจังหวัด ทางทหารยังขอให้งดการฉายภาพยนตร์เรื่อง ฟ้าต่ำแผ่นดินสูง ภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับประเด็นเขาพระวิหาร โดยผู้กำกับ นนทวัฒน์ นำเบญจพล ด้วย เพราะอาจกระทบความมั่นคง ทางอาจารย์และคณะนิสิตผู้จัดงานได้เห็นพ้องกันที่จะงดฉายภาพยนตร์ดังกล่าวและเซ็นเซอร์ตัวเองล่วงหน้าด้วยการงดฉายหนังสั้นอื่นๆ บางเรื่องด้วยเพราะเกรงจะเกิดปัญหาระหว่างการจัดฉาย นอกจากนี้ทางทีมงานยังส่งหนังสั้นของนักศึกษาให้เจ้าหน้าที่ทหารตรวจสอบก่อนตามที่ได้ร้องขอมา ทั้งหมดนี้นำมาซึ่งแถลงการณ์ฉบับแรกที่ขอเปลี่ยนโปรแกรมการฉายจาก 2 วันเป็น 1 วัน อย่างไรก็ตาม ในวันต่อมา (23 เม.ย.) เจ้าหน้าที่ทหารติดต่อกลับมาอีกครั้งและขอให้งดจัดงานทั้งหมดโดยไม่แจ้งเหตุผล

 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ ประชาไท

แถลงการณ์ฉบับสอง


แถลงการณ์ฉบับแรก 

 

งานบางแสนรามาเป็นการจัดฉายภาพยนตร์ขนาดสั้นและขนาดยาว ปีนี้นับเป็นครั้งที่สองที่มีการจัดขึ้นอย่างเป็นทางการในนามของภาควิชานิเทศศาสตร์ ก่อนหน้านี้ ‘บางแสนรามา’ ถือเป็นพื้นที่กลางของนิสิตนักศึกษาที่สนใจด้านภาพยนตร์แวะเวียนผลัดเปลี่ยนกันมาจัดฉายภาพยนตร์และจัดเสวนา เป็นกิจกรรมภายในกลุ่มเล็กๆ จัดต่อเนื่องมาหลายต่อหลายครั้งตลอด 3 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งกลุ่ม

สำหรับกิจกรรมบางแสนรามาในปีนี้ที่ล่มไปนั้นประกอบด้วยหนังสั้นของนักศึกษาทั้งของม.บูรพา และมหาวิทยาลัยอื่นๆ ที่ส่งผลงานร่วมแลกเปลี่ยน ได้แก่ ม.ราชภัฏศรีสะเกษ ม.ธรรมศาสตร์ ม.ศิลปากร และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมแล้วราว 30 เรื่อง ปิดท้ายด้วยภาพยนตร์ฟ้าต่ำแผ่นดินสูง

รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมด้วยว่าการงดจัดงานอย่างกระทันหันครั้งนี้ทำให้ทีมงานต้องทำการคืนค่าตั๋วทั้งหมดแก่ผู้ที่ซื้อตั๋วไป คืนเงินสปอนเซอร์ทั้งหมด รวมทั้งเสียค่าปรับให้กับบริษัทที่ติดตั้งระบบเสียงที่ได้จัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ดี คณะผู้จัดแจ้งว่าจะพยายามจัดงานนี้อีกครั้งแต่ยังไม่สามารถกำหนดระยะเวลาที่แน่นอนได้ “เพราะหนังทุกเรื่องสมควรได้ฉาย”