Skip to main content

ปมครูสาวประเภทสองโพสต์ระบายผ่านโซเชียล หลังถูกคณบดีพูดเหยียดเพศกลางที่ประชุม 

เคท เครือข่ายเพื่อนกะเทยไทย แนะใช้ทุกกลไกสิทธิสู้ ย้ำสังคมไม่ควรนิ่งเฉย ชี้เป็นเหตุรุนแรงเนื่องจากผู้ถูกกระทำเป็นผู้ที่อยู่ในสถานะที่ต่ำกว่า ด้านคณบดี แจงแค่เย้า

เมื่อวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กชื่อ ดุลยพัชร์ มังครัตน์” ได้โพสต์ข้อความในลักษณะว่า ถูกคณบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งพูดเหยียดเรื่องเพศกลางที่ประชุมเพียงเพราะว่าเธอเป็นสาวประเภทสอง โดยมีข้อความดังนี้

จากเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียล ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์เคท ครั้งพิบูลย์ อดีตอาจารย์ประจำคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และเครือข่ายเพื่อนกะเทยไทยผู้ที่เคยโดนกีดกันการเป็นอาจารย์เนื่องจากเป็นสาวประเภทสองเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ต่อกรณีนี้พร้อมข้อเสนอแนะในการเรียกร้องสิทธิ

เคท แนะใช้ทุกกลไกสิทธิสู้ ย้ำสังคมไม่ควรนิ่งเฉย

เคท มองว่าเรื่องดังล่าว ถือเป็นเรื่องที่น่าเสียใจมากที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ เพราะถือเป็นกรณีที่เป็นความรุนแรงทางวาจา และเป็นการเหยียดเพศที่รุนแรงมาก เนื่องจากผู้ถูกกระทำเป็นผู้ที่อยู่ในสถานะที่ต่ำกว่าของเวลานั้น การใช้ความเป็นคณบดีกระทำต่อครูสาวประเภทสองจึงเป็นเรื่องที่ยิ่งตอกย้ำว่า ผู้คนอีกจำนวนมากในสังคมไทยยังเป็นพวกอนุรักษ์นิยม มีอคติแบบตีตราต่อเพศหลากหลาย และพร้อมที่จะเลือกปฏิบัติต่อผู้ที่มีสถานะต่ำกว่า อีกทั้งยังสะท้อนวิธีคิดเรื่องของอำนาจที่เอามาใช้เล่นงานคนอื่น จากกรณีนี้จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ผู้ถูกกระทำได้รับการเยียวยาและต้องมีการใช้กลไกทางกฎหมายคุ้มครอง

ดิฉันยืนยันว่าไม่มี ไม่เคยมี ในระบบไหนทั้งนั้นที่จะเปิดกว้างเรื่องเพศ เพราะสังคมไม่ได้เปิดพื้นที่เรียนรู้เรื่องเพศที่หลากหลายและการดูถูกและเลือกปฏิบัติยังมีอยู่มากในสังคมไทย” เคท กล่าวถึงการเปิดพื้นที่ให้กับกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศในสังคมไทย

สำหรับแนวในการเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพของคนที่มีความหลากหลายทางเพศนั้น เคท แนะนำว่า ให้ใช้กลไกการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนให้เต็มที่และสังคมไม่ควรนิ่งเฉยต่อเรื่องนี้ และใครก็ตามที่ถูกละเมิดสิทธิก็ควรออกมาร้องเรียนเพื่อเป็นการขจัดอคติและการเลือกปฏิบัติ

ด้านคณบดี แจงแค่เย้า

กระปุกดอทคอม รายงานว่า เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่อง AMARIN TV ได้นำเสนออีกหนึ่งแง่มุมว่า ทีมข่าวอมรินทร์ได้โทร ไปสอบถามคณบดีคนดังกล่าว ทราบชื่อต่อมาคือ ดร.อุดมพันธุ์ พิชญ์ประเสริฐ ว่าได้ไปต่อว่าครูสาวประเภทสองจริงหรือไม่ ซึ่งทาง ดร.อุดมพันธุ์ เผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นภายในห้องเรียนไม่ใช่ห้องประชุมตามที่นายดุลยพัชร์ โพสต์เอาไว้ในเฟซบุ๊ก อีกทั้ง ดุลยพัชร์ สอนวิชานาฏศิลป์ เลยต้องเรียกมาอบรมว่าการเป็นครูจะต้องเป็นยังไง โดยเหตุการณ์ที่ว่านี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2560 ยืนยันว่าไม่เคยกีดกันเรื่องเพศกับลูกศิษย์ ไม่เคยด่าศิษย์ด้วยอารมณ์ แล้วก็ไม่เคยพูดในทำนองที่เหมือนกับถากถาง

ดร.อุดมพันธุ์ ยังบอกอีกว่า ในวันนั้นอาจจะหยอกล้อ พูดเล่น ๆ แต่ไม่ได้ใช้น้ำเสียงจริงจัง เช่น "เป็นผู้หญิงหรือเปล่า ไหน ไหน ไหนลองจับหน่อยซิ" เป็นเสียงแบบเย้า ก็ไม่คิดว่าจะกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้ สอนนักเรียนมาค่อนชีวิต ยอมรับว่าเคยมีเรื่องไม่พอใจนักเรียน แต่ด้วยคำว่าครูอยู่ในร่างกายและจิตวิญญาณ เพราะฉะนั้นไม่โกรธลูกศิษย์

"สอนให้ศิษย์รักความถูกต้อง ให้รักเรียน ไม่ได้สอนให้รักเรา" ดร.อุดมพันธุ์ พิชญ์ประเสริฐ กล่าวทิ้งท้าย