21 พ.ค.2558 เวลา 08.00 น. ณ บริเวณกระทรวงศึกษาธิการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “มิติใหม่การศึกษา เดินหน้าประเทศไทย” เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้สู่สังคมถึงความก้าวหน้าการพัฒนาการศึกษาของรัฐบาล และสร้างเสริมการเรียนรู้แนวทางใหม่ ๆ ที่สอดรับกับสถานการณ์ของประเทศในยุคปฏิรูป รวมทั้งแนวทางการพัฒนาการศึกษาในอนาคตของกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมมอบข้อคิดแนวทาง "มิติใหม่การศึกษา เดินหน้าประเทศไทย" เพื่อให้ผู้บริหารการศึกษาและผู้ที่เกี่ยวข้องนำไปพัฒนาและเพิ่มศักยภาพอย่างจริงจัง จัดโดย กระทรวงศึกษาธิการ โดยมี พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พล.ท.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ ข้าราชการครู บุคลากรทางการศึกษา นักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครองและสื่อมวลชนเข้าร่วมงาน
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมนิทรรศการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการศึกษาในโชนต่าง ๆ ได้แก่ โชนที่ 1) การพัฒนาคุณลักษณะผู้เรียน และการแก้ปัญหาอ่านออกเขียนได้ โชนที่ 2) การจัดการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศ โซนที่ 3) การพัฒนาคุณภาพครู โซนที่ 4) การพัฒนาคุณภาพการศึกษาผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ โซนที่ 5) การขยายโอการทางการศึกษาแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ โซนที่ 6) การจัดการศึกษาเพื่ออาชีพ โซนที่ 7) การจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษา โซนที่ 8) การจัดการศึกษาตามแนวพระราชดำริ และโซนที่ 9) การศึกษาเดินหน้าประเทศไทย
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้ให้ข้อคิดเกี่ยวกับแนวทาง “มิติใหม่การศึกษา เดินหน้าประเทศไทย” โดยได้กล่าวขอบคุณกระทรวงศึกษาธิการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนนักเรียน นิสิต นักศึกษา และผู้ปกครอง ที่ได้ร่วมกันจัดงานในวันนี้ขึ้นมา เพราะการศึกษาถือเป็นสิ่งสำคัญในการที่จะแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศ แต่ทั้งนี้จะต้องมีการจัดกลุ่มหรือหมวดหมู่ และวิธีการใหม่ให้ชัดเจน โดยนำศักยภาพที่มีอยู่เดิมซึ่งมีทั้งบุคลากรครูที่มีความรู้ความสามารถ ตลอดจนผู้บริหาร และสถานประกอบการต่าง ๆ มาเป็นแรงขับเคลื่อนการศึกษาของประเทศทั้งระบบให้ได้ตามนโยบายรัฐบาล โดยรัฐบาลจะทำหน้าที่อำนวยความสะดวกในการลดขั้นตอนการปฏิบัติต่าง ๆ ดูแลเรื่องกฎหมาย และให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินการควบคู่ไปด้วย ซึ่งจะทำให้ทุกอย่างสามารถเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว รวมทั้งเรื่องของศึกษาการวิจัย ค้นคว้าและพัฒนา ที่ทุกฝ่ายทั้งสถานศึกษา ภาครัฐและเอกชน จะต้องร่วมกันจัดหมวดหมู่ใหม่ เพื่อให้มีงบประมาณที่เพียงพอในการดำเนินการและได้ผลสัมฤทธิ์ที่คุ้มค่ากับการใช้จ่ายงบประมาณในแต่ละปี และเกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างทั่วถึง
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงการจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมโรงเรียนไกลกังวลว่า เป็นการดำเนินการที่ดีสามารถแก้ไขปัญหาการแคลนครูให้กับโรงเรียนขนาดเล็กที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลได้ แม้จะมีปัญหาในเรื่องของสัญญาณ WiFi ไฟฟ้า พลังงานทดแทน ก็คาดว่าจะสามารถแก้ไขได้เพื่อให้การจัดการศึกษาทางไกลฯ มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของกระทรวง Digital Economy ที่จะต้องมีศูนย์ Database ขนาดใหญ่ ที่จะมีการรวบรวมข้อมูลของทุกกระทรวงเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ทั้งกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคม เพราะฉะนั้นในระยะนี้จะต้องพึ่งพาในเรื่องเทคโนโลยีดังกล่าวในการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อประหยัดเวลาและงบประมาณ
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ได้ขอให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันคิดและหาต้นเหตุของปัญหา เพื่อหาแนวทางการดำเนินการและพัฒนาการศึกษาของประเทศให้มีคุณภาพ ซึ่งจะต้องมีการเตรียมการไปสู่เป้าหมายในอนาคต โดยมีการกำหนดระยะเวลาและแผนงานที่ชัดเจน ตลอดจนความพร้อมของแต่ละพื้นที่ รวมทั้งการตั้งศูนย์การเรียนรู้ทางเทคโนโลยีของกระทรวงศึกษาธิการให้เชื่อมโยงกับการจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมโรงเรียนไกลกังวล เพื่อให้ทันกับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไป พร้อมปรับศูนย์เทคโนโลยีฯ ดังกล่าวให้เป็นศูนย์กวดวิชาเพื่อให้นักเรียนได้เตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยหรือสถานศึกษาต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้นักเรียนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการกวดวิชา ประหยัดเวลาในการเดินทาง และเป็นทางเลือกให้กับนักเรียนที่ต้องการเรียนกวดวิชาเพื่อสอบเข้าสถาบันการศึกษาอีกทางหนึ่ง ทั้งนี้ ไม่ได้ปิดโอกาสผู้ที่ประสงค์และมีความพร้อมที่ต้องการเสียค่าใช้จ่ายในการเรียนกวดวิชาตามสถาบันกวดวิชาต่าง ๆ รัฐบาลพร้อมที่จะดูแลและอำนวยความสะดวกให้ครอบคลุมทุกกลุ่มให้เกิดความเป็นธรรม และลดความเหลื่อมล้ำ เพื่อไม่ทำให้เกิดความแตกแยก โดยทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันและเดินหน้าไปด้วยกัน
ส่วนปัญหาการอ่านออกเขียนได้ และคิดคำนวณได้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นสิ่งสำคัญแต่ต้องมีการสอนให้เด็กและนักเรียนรู้จักคิดวิเคราะห์และต่อยอดองค์ความรู้ต่าง ๆ ได้อย่างเป็นระบบ และมีวิสัยทัศน์ สามารถที่จะพัฒนาตนเองและเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ และทำให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ พร้อมทั้งขอให้ทุกคนน้อมนำหลักปรัชญาหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต รู้จักพอประมาณ มีเหตุมีผลในการใช้จ่าย และมีภูมิคุ้มกันที่ดีในการใช้จ่ายเงินอย่างระมัดระวังเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง ตลอดจนรู้จักเก็บออมเงินไว้ใช้ในอนาคตและยามฉุกเฉิน เป็นต้น
พร้อมกล่าวย้ำว่า ในส่วนของการจัดการศึกษาเพื่อมีอาชีพและมีงานทำนั้น ได้ให้แนวทางกับทุกหน่วยงานไปแล้ว โดยกระทรวงศึกษาฯ และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันดำเนินการในการพัฒนาคนให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดและผู้ประกอบการ รองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและยุทธศาสตร์ประเทศ รวมทั้งต้องมีการเรียนการสอนในเรื่องของกฎหมายตั้งแต่เด็กให้มากขึ้น เพื่อให้ประชาชนมีความรู้เรื่องของกฎหมาย และเกิดการเรียนรู้ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชนที่จะอยู่ร่วมกันอย่างมีส่วนร่วมโดยไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งกัน และมีการชี้แจงเกี่ยวกับกฎหมายที่ออกมาบังคับใช้ให้ประชาชนเกิดความเข้าใจและรับรู้สิทธิประโยชน์ของตนเอง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่นได้อย่างแท้จริง รวมถึงการกระจายโอกาสทางการศึกษาให้เข้าถึงทุกพื้นที่และเยาวชนทุกกลุ่มอีกด้วย
ที่มา : สำนักโฆษกฯ ทำเนียบรัฐบาล
- 1 view