Skip to main content

รศ.นพ.กำจร ตติยกวี เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา กล่าวถึงกรณีนักวิชาการเรียกร้องให้ คสช. เปิดเสรีภาพทางวิชาการให้กับนักวิชาการในรั้วอุดมศึกษา ระบุ ถ้านักศึกษาและอาจารย์คุยกันในห้องเรียนก็จะไม่มีปัญหา ชี้เสวนาสาธารณะไม่เหมาะกับสถานการณ์

 

เมื่อวันที่ 23 ก.ย. ที่ผ่านมา กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ เผยแพร่บทสัมภาษณ์ รศ.นพ.กำจร ตติยกวี เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา กรณีนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยหลายแห่งเรียกร้องให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ให้เสรีภาพทางวิชาการให้กับนักวิชาการในรั้วอุดมศึกษา

โดยเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา ระบุว่า เสรีภาพทางวิชาการกับนักวิชาการเป็นสิ่งที่คู่กัน แต่เป็นเรื่องของส่วนบุคคล ที่สามารถคิดและแสดงออกได้ แต่เนื่องจากขณะนี้บ้านเมืองอยู่ในภาวะที่มีกฎอัยการศึกควบคุม การแสดงออกทางเสรีภาพจึงถูกจำกัดอยู่เฉพาะในสถาบันการศึกษา หรือเฉพาะในห้องเรียน

หากทุกคนเข้าใจสถานการณ์ก็ไม่น่าเป็นปัญหา อาจารย์และนักวิชาการก็สามารถแสดงออกได้ในห้องเรียน เป็นการพูดคุยกันระหว่างนิสิตนักศึกษาและอาจารย์ ส่วนที่วิพากษ์วิจารณ์กันถึงกรณีทหารและตำรวจเข้าควบคุมตัวนักวิชาการ นักศึกษาในสถาบันการศึกษานั้น เป็นการทำเกินกว่าเหตุหรือไม่นั้น โดยส่วนตัวไม่แน่ใจ เพราะที่ผ่านมาก็เคยมีการอ้างถึงเสรีภาพทางวิชาการ และจัดการเสวนาขึ้นมาและนำไปสู่การชุมนุมบนถนน กระทบต่อสิทธิของผู้อื่น ดังนั้นจึงควรป้องปราบไว้ก่อนหรือไม่

“ถ้านักศึกษาและอาจารย์พูดคุยกันในห้องเรียน ไม่มีบุคคลภายนอก หรือ จะเชิญวิทยากรจากที่อื่นมาคุยก็ไม่เป็นปัญหา แต่การประกาศเชิญชวนต่อสาธารณะ อาจไม่เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะสังคมต้องการความสงบ ฝ่ายความมั่นคงกลัวจะเกิดข้อขัดแย้ง เพราะในอดีตก็เคยเกิดปัญหาทำนองนี้มาแล้ว ผมไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์บานปลาย อยากให้ทุกฝ่ายอดทนอดกลั้นให้พ้นจากช่วงระยะเวลาไปนี้ไปก่อน ให้สังคมกลับมาสู่ความสงบ ซึ่งก็ไม่ทราบว่าจะนานแค่ไหน” นพ.กำจร กล่าว

สำหรับการนำปี๊บคลุมศรีษะของนักวิชาการ และอ้างว่าเป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์นั้น โดยส่วนตัวเห็นว่าเป็นเสรีภาพส่วนบุคคลเช่นกัน ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ใครเสียหายหรือส่งผลกระทบใดๆ ต่อผู้อื่น แต่ผู้สวมปี๊บจะต้องรับผิดชอบตนเองต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้น หากจะทำให้ลูกศิษย์ไม่นับถือ ก็ผู้บังคับบัญชาตั้งข้อสงสัย ก็ต้องรับผิดชอบตนเอง หรือจะมีการโพสต์ลงสื่อสังคมออนไลน์ และทำตามกันจนปี๊บขาดตลาดก็ถือเป็นสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล แต่อย่าทำเกินเลย เช่น ใช้คำพูดที่ไม่สุภาพ ก็พอ

 

รมว.ศึกษาฯลั่นสิทธิเสรีภาพทางวิชาการทำได้

พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า สิทธิเสรีภาพทางวิชาการเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ เพียงแต่ปัจจุบันยังถือว่าเป็นภาวะที่ไม่ปกติ ยังอยู่ระหว่างการประกาศใช้กฎอัยการศึก ดังนั้นการไปพูดหรือวิจารณ์ทางการเมือง ก็อาจจะต้องมีการปรามบ้าง ถือเป็นเรื่องที่ต้องขอร้องกัน ว่าอะไรที่ไปกระทบกับการเมือง และทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดี ก็ต้องขอร้องให้ระมัดระวัง

ส่วนที่ทางรัฐบาลขอให้มหาวิทยาลัยทุกแห่งยื่นเรื่องต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก่อนการจัดเสวนาทุกครั้ง จะถือเป็นการปิดกั้นการแสดงออกทางวิชาการหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่แล้วแต่ใครจะคิด ถ้าสุจริตใจ ว่าเป็นการเสวนาทางวิชาการอย่างแท้จริง รัฐบาลก็ไม่ได้ห้าม ซึ่งส่วนตนเองก็คงไม่ทำอะไรมากกว่านี้ เชื่อว่าทุกมหาวิทยาลัยคงเข้าใจสถานการณ์ดี